กินยาเสริมธาตุเหล็ก หลายคนที่เคยไปบริจาคเลือด ไม่ว่าจะที่สภากาชาด ถนนอังรีดูนังต์หรือตามรถรับบริจาคเลือดก็ตามแต่ เคยสงสัยกันไหมว่า ซองพลาสติกสีขาวที่เป็นยาเสริมธาตุเหล็กนั้นจำเป็นแค่ไหน
โดยก่อนอื่นที่จะบริจาคเลือด ผู้ช่วยแพทย์ จะเจาะเลือดบริเวณนิ้วมือของเราเพื่อวัดอัตราความเข้มข้นของเลือด เกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ชายที่สามารถบริจาคเลือดได้อยู่ที่ 13 กรัม/ เดซิลิตร ส่วนผู้หญิงคือ 12.5 กรัม/เดซิลิตร หากต่ำกว่าผู้ช่วยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่จะไม่ให้ท่านบริจาค เพราะจะเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจางได้
และข้อแม้ของคุณผู้หญิงมีมากกว่าคุณผู้ชาย คือในช่วงที่มีประจำเดือนห้ามบริจาคเลือดเด็ดขาดเพื่อลดอาการเสียเลือดซ้ำซ้อน
หลังจากนั้นคุณหมอจะเข้าสอบถามผู้บริจาคโลหิตว่าพักผ่อนมาเพียงพอ, ทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือไม่ การทานอาหารที่มีไขมันสูง จะทำให้ไม่สามารถนำเลือดไปใช้งานได้ในทันทีต้องผ่านกรรมวิธีการกรองเลือด ทำให้แพทย์ต้องสอบถามกับท่าน
คราวนี้ก่อนบริจาคให้ดื่มน้ำเปล่า 3-4 แก้ว เพื่อให้ร่างกายสดชื่นและเพื่อให้พยาบาลที่เจาะเลือดหาเส้นเลือดที่ข้อพับ (ตรงช่วงแขน) ได้ง่าย
จากนั้นเมื่อบริจาคเสร็จ ทางศูนย์มีให้อาหารเล็กน้อยเพื่อให้ผู้บริจาคคลายจากอาการหิว คราวนี้เรามาดูเรื่องอัตราความเข้มข้นของเลือดเมื่อบริจาคไปแล้ว หากไปตรวจวัดความเข้มข้นของเลือดจะพบว่า เลือดในร่างกายมีความเข้มข้นลดลง 0.5 กรัม/เดซิลิตร แต่ไม่ต้องตกใจเพราะว่าท่านสามารถทานอาหารที่มีธาตุเหล็กในภายใน 30 วันร่างกายก็จะมีความเข้มข้นของเลือดใกล้เคียงกับของเดิมอยู่แล้ว
แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังให้ยาเสริมธาตุเหล็กมารับประทาน ภายในส่วนประกอบของยามี ประกอบด้วย Ferrous Fumarate 200 mg ผสมวิตามิน B1 , B12 และวิตามิน C
ซึ่งคุณหมอ ทนพ. ภาคภูมิ เดชหัสดิน ได้กล่าวว่า ผู้ที่ได้กินยาเสริมธาตุเหล็กจะช่วยเพิ่มความเข้มข้นของเลือดได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่กินยา
ดังนั้นหากท่านยังต้องการจะบริจาคเลือดได้ต่อไปเรื่อยๆ ทุก 3 เดือน (90 วัน) เป็นอย่างเร็ว ท่านควรที่กินยาเสริมธาตุเหล็ก เม็ดสีแดงเข้าไปก่อนนอนคืนละ 1 เม็ดด้วย และอนึ่งยานี้เมื่อทานเข้าไปแล้ว จะทำให้อุจจาระมีสีดำซึ่งก็ไม่ต้องตกใจ เพราะว่าเป็นปกติของผู้ที่ทานยาชนิดนี้อยู่แล้ว
และข้อคิดหลักที่พึงฝากไว้สำหรับผู้บริจาคเลือดคือพยายามรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่สักสิ่งใดตามร่างกายและไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน,ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในคืนก่อนบริจาค และสุดท้ายนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนที่จะบริจาคเลือด
เชื่อว่าผู้ที่ต้องการทำความดี คงไม่อยากให้เลือดที่ไม่ดีจากตัวเราเข้าสู่ผู้รับบริจาค แทนที่จะได้บุญกลับกลายเป็นการทำบาปมากยิ่งขึ้นไปอีก
สนับสนุนโดย. gclub เว็บตรง